จานรองแก้ว โลโก้-02-01

รวมสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจ ขาดทุน เจ๊งไม่เป็นท่า มีอะไรบ้าง?

Share This Post

ทำธุรกิจ หรือขายของ ขาดทุน เป็นปัญหาที่ใครก็ไม่อยากเจอ แต่หากเราอยากจะเปลี่ยนมา ขายของให้ได้กำไร เราก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ธุรกิจ หรือการขายของเรานั้น ผิดพลาดตรงไหน จะได้แก้ปัญหาให้ ตรงจุด เพราะหากเรารู้จักปัญหาแล้ว เส้นทางสู่กำไร ก็ไม่ยากแล้ว บทความนี้ จะพาไปรู้ถึงสาเหตุ ธุรกิจ “ขาดทุน” เจ๊งไม่เป็นท่า มีหลายเหตุผล พี่จะบอกว่าเพราะอะไร ธุรกิจถึงไปไม่รอด ขายของขาดทุนเพราะอะไร? ทำอย่างให้ได้กำไร ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย

เหตุผลธุรกิจ ขาดทุน มีอะไรบ้าง?

ขาดทุนเพราะต้นทุนสินค้ามากกว่าราคา

คือ คุณซื้อของมาราคา 100 บาท แต่คุณขายของไปในราคาแค่ 50 บาท คนส่วนมาก อาจจะมองว่า ข้อนี้เป็นปัญหาที่แก้ได้ง่าย แต่ยิ่งสินค้าคุณมีกระบวนการผลิตเยอะ การคำนวณต้นทุน ก็ยิ่งทำได้ยาก เช่น โรงงาน หรือว่าคนที่ทำอาหาร มีวัตถุดิบหลายชิ้น ทำให้คำนวณต้นทุนยากนั่นเอง 

แก้ไขในเบื้องต้น คือ ให้ลองหาวิธีคำนวณต้นทุนอย่างชัดเจน หากคุณมียอดขายหลักหมื่น หลักแสน ในส่วนนี้ จะไปจ้างฟรีแลนซ์ที่เก่งบัญชี มาช่วยคำนวณก็ได้ และสำหรับหลาย ๆ ธุรกิจ ยิ่งคุณผลิตสินค้า หรือว่าจัดซื้อสินค้าเยอะ ต้นทุนของคุณยิ่งถูก เพราะว่าคุณจะได้ส่วนลดตามจำนวนจากซัพพลายเออร์ ในอนาคตคุณสามารถวางแผน เพื่อเพิ่มยอดขายได้ แต่ในเบื้องต้นแล้ว คุณต้องรู้ตัวเลขให้ได้ว่า ยอดขายแต่ละเดือนเท่าไหร่กันแน่ คุณจะได้วางแผนในการจัดซื้อ และการผลิตได้อย่างถูกต้อง อย่างน้อยจะได้ไม่ขาดทุน

ขาดทุนเพราะการตลาดมากเกินไป

ข้อนี้เห็นได้บ่อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรม ที่แข่งกันด้วยการตลาดอย่างเดียวเท่านั้น เช่น สินค้าความสวยความงาม อาหาร และขนมต่าง ๆ หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เราจะเห็นได้ว่า สินค้าบางชนิดนั้น มีต้นทุนการจัดซื้อ หรือการผลิตต่ำมาก แต่สามารถขายได้ในราคาสูงมาก ตามกลไกของเศรษฐกิจแล้ว ธุรกิจเหล่านี้ มักจะมีคู่แข่งเยอะ ถึงแม้จะไม่ได้แข่งกันด้วยการตัดราคาโดยตรง แต่ก็ต้องแข่งกันด้วยการทำการตลาดแข่งกัน

แก้ไขในเบื้องต้น คือ ให้คุณระวังช่องทางการตลาด แบบเสียเงินไว้ให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่องทางออนไลน์แบบ Facebook ที่ทำให้คนขายของแต่ละคนขาดทุนมามากแล้ว ในขั้นตอนพื้นฐานที่สุด ควรจะคำนวณให้ได้ว่า แต่ละช่องทางสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากแค่ไหน ลูกค้าแต่ละคนเข้ามาซื้อบ่อยแค่ไหนจากแต่ละช่องทาง และช่องทางนี้คุ้มกับค่าใช้จ่ายหรือเปล่า ถ้าหาข้อมูลไม่ได้ หรือว่าตอบไม่ได้ก็ไม่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณกำลังขาดทุนอยู่

ขาดทุนเพราะค่าใช้จ่ายในการบริหาร

ในเชิงบัญชี ส่วนนี้หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับต้นทุนสินค้า หมายว่า คุณขายของได้กำไรเบื้องต้นมา แต่กำไรเหล่านี้ ก็ยังไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าจ้างพนักงาน หรือค่าเช่าที่ เป็นต้น 

  • วิธีแก้ด้านยอดขาย มีอยู่ 2 อย่าง คือ การเพิ่มราคาสินค้า และการเพิ่มจำนวนการขาย  ก็คือ ทำกำไรจากการขายเบื้องต้นให้มากที่สุด เราจะได้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ 
  • วิธีแก้ด้านค่าใช้จ่าย มีอยู่ 2 อย่างเช่นกัน คือ การลดค่าใช้จ่ายเบื้องต้น หรือการโยกย้ายค่าใช้จ่าย ไปอยู่ในส่วนที่ถูกต้อง เช่น การลดสต๊อกคลังสินค้า เพื่อเป็นสต๊อกสินค้าที่ขายดีแทน หรือการลดเงินค่าการตลาดของสินค้าที่ขายไม่ได้ ไปลงสินค้าที่ขายได้ง่ายกว่า

ขาดทุนเพราะค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น

ค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น คือ ค่าใช้จ่ายที่เราใช้ไป แต่เราไม่ได้สังเกต หรือไม่ได้จดไว้ เช่น การพาลูกน้องไปเลี้ยง ค่าเดินทางต่าง ๆ ค่าซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับหลาย ๆ คนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ อาจจะไม่สำคัญ แต่สำหรับบางบริษัท ค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจจะมีมากถึง 20-30% เลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลย ที่บริษัทเหล่านี้ ไม่สามารถทำกำไรได้

แก้ไขในเบื้องต้น คือ ให้เราเก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบริษัท ไว้ให้ชัดเจนที่สุด เท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ 10 บาท 20 บาทก็ตาม นอกจากนั้นแล้ว ของเสียของค้างสต๊อกต่าง ๆ ก็ควรที่จะสามารถวัดเป็นมูลค่าเงินได้ เช่น เงินเราจมอยู่กับสต๊อกเยอะแค่ไหน หรือในแต่ละวันเรา ปล่อยให้วัตถุดิบเราเสียไปเยอะแค่ไหน ส่วนนี้ไม่ได้ทำยาก เพียงแต่เราต้องใส่ใจ และต้องค่อย ๆ เก็บข้อมูลในแต่ละวัน หรือเงินเดือนเจ้าของบริษัท ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่หลายธุรกิจทำพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจกงสี หากเจ้าของธุรกิจ หรือหุ้นส่วนคนไหน ยังเอาเงินไปใช้ โดยไม่ได้จดรายจ่ายไว้ ก็ให้ระวังค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้ให้ดีด้วย

ขาดทุนเพราะลืมคำนวณค่าภาษี

ภาษีเป็นค่าใช้จ่ายที่คนเพิ่งเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ อาจจะไม่ค่อยชินกัน ซึ่งรวมถึง ภาษีนิติบุคคล (20% ของกำไร) ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเฉพาะแต่ละธุรกิจ เป็นต้น การที่คุณทำทุกอย่างมาถูกต้องหมด แต่มาขาดทุนในส่วนภาษีนั้นเป็นสัญญาณว่า คุณอาจจะขายของตัดราคาคู่แข่งมากเกินไป หรือไม่เคยนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปบวกในราคาสินค้า ซึ่งก็เป็นสาเหตุ ที่ทำให้เจ้าใหญ่ ไม่สามารถขายของราคาถูกกว่าเจ้าเล็ก ๆ ได้ หากคุณอยากจะทำงานให้เป็นระบบจริง ๆ ก็ควรจะพิจารณาส่วนนี้ไว้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจใหญ่ ๆ ส่วนมากไม่มีที่ไหนอยากขายได้กำไร เพื่อมาจ่ายภาษีกัน ธุรกิจส่วนมาก ก็ต้องพยายามนำกำไรทั้งหมดมาใช้ลงทุนเพิ่ม เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายมากที่สุด เพื่อหาวิธีลดการจ่ายภาษีแบบถูกกฎหมาย แทนที่จะเอากำไรไปจ่ายภาษี เอากำไรมาหมุนลงธุรกิจดีกว่านั่นเอง

ขายของให้ได้กำไร ทำได้อย่างไร?

การเพิ่มราคาสินค้า

การเพิ่มราคาสินค้า เป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุด เหมาะอย่างยิ่ง เวลาที่คุณค้นพบว่า ต้นทุนสินค้าสูงเกินไป หรือคุณลืมคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มราคาสินค้า ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ยกเว้นว่าสินค้าคุณจะดูแตกต่างขึ้นจากคู่แข่งจริง ๆ โอกาสที่คุณจะขายได้ในราคาที่แพงกว่าก็มีน้อย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องตามมา คือ เรื่องของการออกแบบสินค้าใหม่ หรืออย่างน้อยก็ต้องทำการตลาดเพิ่มแนะนำให้คุณไปลองคำนวณค่าใช้จ่าย และต้นทุนทุกอย่างให้ชัดเจนดูก่อน ในบางครั้ง การขึ้นราคา 10-20% อาจจะไม่ทำให้ลูกค้าหายไปขนาดนั้น แต่ก็ทำให้เราขายมีกำไรได้มากขึ้น

หัวใจสำคัญของการเพิ่มราคา คือ การที่เรามีกำไรต่อสินค้ามากขึ้น ซึ่งเราสามารถนำกำไรเหล่านี้ มาลงทุนเพิ่มกับหลาย ๆ อย่างในธุรกิจได้ เช่น ทำการตลาดเพิ่ม หรือนำมาทดสอบสินค้าใหม่ ๆ ขายได้เพิ่ม

การเพิ่มจำนวนสินค้าที่ขาย

ในส่วนนี้ ประกอบไปด้วย 2 อย่าง คือ การเพิ่มจำนวนลูกค้า กับการเพิ่มจำนวนที่ลูกค้า 1 คน ซื้อต่อ 1 ครั้ง เช่น

  • การเพิ่มจำนวนลูกค้า คือ หลักการง่าย ๆ ถ้าปกติมีลูกค้าเข้ามา 10 คน ถ้าวันไหนเรามีลูกค้า 20 คน ยอดขายก็เพิ่มขึ้นแล้ว ในส่วนนี้ คือเรื่องของการตลาด และการขายที่เราต้องนำไปปรับพัฒนาเพิ่ม ให้เลือกช่องทางการตลาด และช่องทางการขายที่เหมาะสมกับลูกค้า
  • การเพิ่มจำนวนที่ลูกค้าซื้อต่อ 1 ครั้ง เช่น หากปกติลูกค้าซื้อเฉลี่ย ครั้งละ 300 บาท เราจะต้องขายให้ได้ครั้งละ 500 บาทแทน  โดยรวมแล้ว หลายธุรกิจไม่ได้เก็บตัวเลขเหล่านี้ไว้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น แนะนำให้คุณ เริ่มจดประวัติการซื้อของลูกค้าไว้ให้ดี การเพิ่มยอดขายต่อจำนวนการซื้อ 1 ครั้ง คือ คุณต้องมีกระบวนการขายที่ดี มีพนักงานขาย ขอแนะนำสินค้าให้ลูกค้าเรื่อย ๆ เช่น เวลาเราซื้อของเสร็จแล้ว พนักงานมักจะถามว่า อยากจะซื้อขนมชิ้นนั้น ชิ้นนี้เพิ่มหรือเปล่านั่นเอง

ประสิทธิภาพของการทำงาน

หากคุณมีกำไรเบื้องต้น ยอดขายมากกว่าต้นทุนสินค้า แต่คุณยังไม่สามารถทำกำไรได้ นั่นเป็นเพราะว่า ระบบการทำงานหลังบ้านของคุณ ยังมีประสิทธิภาพได้ไม่ดี เช่น

  • พนักงานยังว่างอยู่ ข้อนี้เป็นสัญญาณที่ดีว่า คุณจ้างพนักงานมามากเกินไป และพนักงานแต่ละคนยังไม่มีอะไรทำ หากคุณขายได้กำไรจริง ๆ แล้วพนักงานทำงานเยอะจริง ๆ ลองให้พนักงานประเมินค่ามาว่า ในแต่ละชั่วโมง หรือในแต่ละวัน ตัวเองสามารถหาลูกค้าได้กี่คน ตอบลูกค้าได้กี่คน แพ็คของได้กี่ชิ้น เป็นต้น
  • สินค้าค้างสต๊อกไว้นานเกินไป เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ธุรกิจซื้อมาขายไปเจอบ่อย คือ จัดซื้อสินค้ามาหลากหลายชนิดมาก แต่สินค้าส่วนมากขายไม่ออก ทำให้ไม่สามารถทำกำไรได้ ให้ไปตัดสินกันอีกทีว่า สินค้าส่วนไหนอยากจะเก็บไว้ และส่วนไหนต้องหาวิธีปล่อยสต๊อกออกไป

หนึ่งทางออกของการเพิ่มประสิทธิภาพ คือ การแบ่งกลุ่ม (Segmentation) ช่องทางการขายไหนที่ขายไม่ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำ สินค้าไหนที่ไม่กำไร เราก็ไม่จำเป็นต้องสต๊อก หากเราสามารถแบ่งช่องทาง แบ่งสินค้า และแบ่งกลุ่มลูกค้าที่กำไร และไม่กำไรออกมาได้ เราก็จะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีมากขึ้น

ทำบัญชีรายจ่ายและจดข้อมูลเรื่อย ๆ

ข้อนี้เป็นข้อบังคับ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ยังไงคุณก็ต้องมี การทำบัญชีราย-รับรายจ่าย อยู่แล้ว ไม่มีธุรกิจไหนสามารถอยู่รอดได้ ถ้าไม่ทำบัญชี ถ้าคุณเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องรายละเอียด แนะนำให้คุณศึกษาด้วยตัวเอง แต่ถ้าคุณไม่ค่อยเก่งเรื่องการบริหารยิบย่อย ควรหาคนมาช่วยคุณเก็บเอกสาร หรือจะเป็นการไปหาโปรแกรมซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาช่วยทำบัญชีก็ได้

ข้อมูลส่วนนี้ สามารถนำมาใช้ได้หลายอย่างมาก เช่น การวิเคราะห์ว่า ค่าใช้จ่ายส่วนไหนจำเป็น หรือไม่จำเป็น หรือการดูว่าเรามีจุดบอดในธุรกิจ ส่วนไหนที่เราสามารถพัฒนาได้เพิ่มเติมหรือเปล่า เพราะปัญหาหลายอย่าง หากเราไม่ดูจากภาพรวมเป็นตัวเลข เราก็อาจจะมองไม่เห็นก็ได้ เช่น สินค้าค้างสต๊อกเยอะ พนักงานโกงเงิน ลงงบการตลาดมากเกินไป

เตรียมความพร้อมด้านภาษี

ยิ่งถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ คุณยิ่งต้องเข้าใจเรื่องของภาษีให้ดีเข้าไว้ แน่นอนว่า คุณสามารถจ้างคนมาช่วยดูก็ได้ แต่ในเบื้องต้นแล้ว ไม่มีใครรักธุรกิจคุณเท่าตัวคุณเองหรอก ดังนั้น คนที่จะสามารถสู้เพื่อลดหย่อนภาษีได้ดีที่สุด คือ ตัวคุณเอง

ความรู้ด้านภาษีธุรกิจนั้น สมัยนี้มีอยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นพวกเพจใน Facebook ต่าง ๆ หรือช่องใน YouTube ที่คอยให้ความรู้พวกนี้ หรือหากคุณไม่มีเวลาจริง ๆ ก็ลองจ้างคนเข้ามาคอยให้คำปรึกษาดูสักครั้งนึงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจ้างเป็นเวลานานหลายปี


เป็นอย่างไรกันบ้าง สาเหตุที่ธุรกิจขาดทุน เรียกได้ว่าในธุรกิจที่มีการแข่งขันเยอะ หรือการตลาด ทำให้แตกต่างได้ยาก ธุรกิจส่วนมาก จะชนะกันได้เพราะว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า ซึ่งโดยรวมแล้ว คือธุรกิจที่สามารถใช้เงินลงทุนได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และสามารถประหยัดภาษีได้อย่างถูกกฎหมายได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามควรศึกษาหาข้อมูลและคอยระวัง ทำความเข้าใจก่อนว่าธุรกิจหรือการขายของเรานั้นไปผิดพลาดตรงไหน เราจะได้แก้ปัญหาให้ถูก เพราะหากเรารู้จักปัญหาแล้วเส้นทางสู่กำไรก็ไม่ยากแล้ว

สามารถอ่านบทความดี ๆ ได้ที่นี่

จานรองแก้ว.com เป็นร้านขายที่รองแก้ว จานรองแก้ว อันดับ 1 ของประเทศไทย สินค้าของเราผลิตจากไม้คอร์ก ไม้ยางแท้ 100% มีสินค้าให้เลือกหลายหลายรูปแบบ บริการออกแบบฟรี! สามารถสั่งซื้อ และสอบถามได้ที่ จานรองแก้ว.com

อ้างอิงข้อมูลจาก: thaiwinner.com

ติดต่อสั่งทำ จานรองแก้ว

เราคือโรงงานรับสั่งทำ ที่รองแก้วราคาพิเศษ ขั้นต่ำเพียง 10 เท่านั้น พร้อมเลเซอร์ตามแบบที่ต้องการไม่ซ้ำใคร ในราคาพิเศษ

More To Explore